คลาส ออฟ 92 กับ 6 แข้งแจ้งเกิด
จากที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักสโมสร แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นพวกเขาคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ของเกาะอังกฤษ และมีฐานแฟนบอลจากทั่วโลกให้การสนับสนุนตามเชียร์ ไม่ว่าจะเป็นอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่กว่าที่จะเป็นสโมสร แมนยู ในปัจจุบันนี้แน่นอนว่า พวกเขาต้องผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ซึ่งแฟนบอลคงจะจดจำได้กับโศกนาฏกรรมเมืองมิวนิค ที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ปี 1958 นั่นอาจจะทำให้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พวกเขาแช่แข็งความสำเร็จก็เป็นได้ เพราะนักเตะพร้อมกับทีมงานสต๊าฟโค้ชเกินครึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
แต่สำหรับความพยายามของสโมสรแห่งนี้ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา จนกระทั่งพวกเขามาประสบความสำเร็จกับการผลักดันเด็กปั้นจากสโมสรขึ้นมาไล่ล่าแชมป์ และประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา โดยที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เรียกกลุ่มนักเตะที่พาแมนยู ประสบความสำเร็จในยุคต่อมาว่า “คลาส ออฟ 92”
ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดโศกนาฏกรรมเมืองมิวนิค กับเหตุการณ์เครื่องบินตก แน่นอนว่าในช่วงนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พวกเขามีนักเตะไม่เพียงพอสำหรับการลงทำการแข่งขัน และเหตุการณ์ที่น่าประทับใจนั่นก็คือทั้งสโมสรลิเวอร์พูล ที่เป็นคู่ปรับร่วมลีกตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมกับสโมสร เรอัล มาดริด ยอดทีมแห่งเมืองสเปน ก็ยื่นข้อเสนอให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ยืมนักเตะไปทำการแข่งขัน แต่สำหรับปีศาจแดง พวกเขายังยืนหยัดในอุดมการณ์ของพวกเขาเอง และผลักดันนักเตะจากชุดเยาวชนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ และประคับประคองสถานการณ์มาเรื่อย ๆ
คงต้องเริ่มต้นจากที่ แมนยู ประคับประคองสถานการณ์ของทีมนับตั้งแต่ที่เกิดโศกนาฏกรรมเมืองมิวนิค ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ปี 1958 จนกระทั่ง Sir Alex Ferguson เข้ามารับงานเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในปี 1986 และ Sir Alex Ferguson ก็ได้พัฒนานักเตะที่อยู่ในชุดเยาวชนมาตลอด และปรัชญาการทำทีมของ Sir Alex Ferguson ก็คือผลักดันนักเตะชุดเด็ก ขึ้นมาสู่ผู้เล่นชุดใหญ่ โดยที่พร้อมจะเปิดทุกโอกาสนั่นจึงทำให้นักเตะคนแรกอย่าง Ryan Giggs ได้ก้าวขึ้นมาสวมเครื่องแบบให้กับ Manchester united ในปี 1990 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี
แน่นอนว่า Ryan Giggs ถูกส่งลงสนามหลังจากที่ ลีชาร์ป ผู้เล่นตัวหลักในตำแหน่งปีกซ้ายได้รับบาดเจ็บและ Ryan Giggs จึงได้รับโอกาสจาก ป๋าเฟอร์กี้ ให้ลงไปเหยียบผืนหญ้าในฐานะผู้เล่นของทีมปีศาจแดงชุดใหญ่ แน่นอนว่าปีกพ่อมดไม่ทำให้ผิดหวัง Ryan Giggs สามารถระเบิดฟอร์มได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม และเป็นกำลังหลักให้กับ Manchester United มานับตั้งแต่ตอนนั้น และยังพาทีมคว้าแชมป์ วินเนอร์ คัพ ในปีแรกที่ได้รับโอกาสเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ โดยสามารถเอาชนะ บาร์เซโลนา ไปได้ 2-1 ซึ่งสามารถระเบิดฟอร์มหลังจากที่ได้รับโอกาสเป็นปีแรก
และ 2 ปี ต่อมา กลุ่มผู้เล่นในชุดเยาวชนอย่าง David Beckham, Nicholas Butt และ Gary Neville ก็ถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ นั่นคือปี 1992 ซึ่งนักเตะที่เรากล่าวไป ถูกใส่ชื่อเป็นผู้เล่นที่นั่งอยู่ในม้านั่งสำรอง และพวกเขาก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ หลังจากที่รอคอยมานานนับตั้งแต่ที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมที่เมืองมิวนิคเครื่องบินตก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการรวมพล “คลาส ออฟ 92” ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
คลาส ออฟ 92 กับ 6 แข้งแจ้งเกิด ที่ประกอบไปด้วย David Beckham, Paul Scholes, Nicholas Butt, Gary Neville, Philip Neville, Ryan Giggs พวกเขาพร้อมหน้าพร้อมตากันกับการลงสนามที่เคยเล่นกันในชุดเยาวชน และสวมเครื่องแบบผู้เล่นชุดใหญ่ ซึ่งได้รวมตัวและได้ลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตาในปี 1994 – 95 และในปีนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับนักเตะยุค “คลาส ออฟ 92” พวกสามารถคว้าแชมป์ ซูเปอร์คัพ วินเนอร์ ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเด็กปั้นจากชุดเยาวชนที่เรียกว่าชุด “คลาส ออฟ 92” และผู้เล่นจากทีมชุดใหญ่ จนสามารถประสบความสำเร็จได้
และเมื่อเด็กหนุ่มจากชุด “Class of 92” สามารถที่จะยืนหยัด และพิสูจน์ตัวเองกับการสวมเครื่องแบบเป็นผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ได้ ในปีนี้ดูการ 1995-96 Sir Alex Ferguson ก็ใช้ผู้เล่นชุด “Class of 92” ที่ประกอบไปด้วย David Beckham, Paul Scholes, Nicholas Butt, Gary Neville, Philip Neville, Ryan Giggs ประเดิมสนามกับเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรก ที่พวกเขาพบกับ Aston Villa และแน่นอนว่าความพ่ายแพ้ 3-1 ในเกมแรกกับการใช้ชุดเยาวชนจากชุด “Class of 92” ขึ้นมาเป็นตัวหลัก ทำให้นักวิพากษ์ต่างก็ออกมาโจมตีผลงานของนักเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และผลงานของ Sir Alex Ferguson และยังมีประโยชน์คลาสสิคที่ยังคงนำมาล้อเลียนในปัจจุบันนี้จาก อลัน เฮนเซน ซึ่งเป็นอดีตตำนานของลิเวอร์พูล ที่กล่าวเอาไว้ว่า “Manchester United ไม่มีทางประสบความสำเร็จจากผู้เล่นชุดเด็กหนุ่มแน่นอน”
แต่ทาง Sir Alex Ferguson และกลุ่มผู้เล่นชุด “Class of 92” พร้อมกับผู้เล่นชุดใหญ่อย่าง รอย คีน, ปีเตอร์ ชไมเคิลล์ และ เอริก คันโตนา พวกเขาต่างก็ฟูมฟักและทำงานอย่างหนักเพื่อให้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งในปีเดียวกันนั้นนั่นคือปี 1995 – 96 Manchester United ก็สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้สำเร็จ และต้องยอมรับเลยว่าผู้เล่นในชุด “Class of 92” ไม่ว่าจะเป็น David Beckham, Paul Scholes, Nicholas Butt, Gary Neville, Philip Neville, Ryan Giggs พวกเขาคือตัวหลักที่พา แมนเชสเตอร์ ประสบความสำเร็จจนได้
และสิ่งที่ตอกย้ำว่านักเตะชุด “Class of 92” ของ Manchester United พวกเขาคือ 6 แข้งเทพที่จะพา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จ และเป็นยอดทีมเบอร์ 1 ของโลก ในปี 1999 Manchester United เข้าชิงชนะเลิศกับสโมสร บาเยิร์น มิวนิคกับถ้วยใบใหญ่ในยุโรป ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก “ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ปีปี 1968 กับการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ครั้งล่าสุด” ซึ่งพวกเขาห่างหายด้วยใบนี้มานาน
และในเกมนี้ หากจะเปรียบเทียบตัวนักเตะและสภาพทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แทบจะเป็นรอง “เสือใต้” ในทุก ๆ ด้าน เพราะขาดทั้ง Paul Scholes และ Nicholas Butt แต่แน่นอนว่าขุมกำลังหลักที่เหลือของชุด “Class of 92” และขุนพลชุดใหญ่ก็พร้อมที่จะลงสนามในสถานะที่เป็นรอง และแน่นอนว่า บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อน 1- 0 ก่อนที่ Man United จะตามตีเสมอจากเท็ดดี้ เชอริงแฮม และประวัติศาสตร์ที่มีชุด “Class of 92” ผลักดันทีมก็เกิดขึ้นหลังจากที่ โอเล่กุนนาร์โซชา ยิงประตูชัย และในปี 1999 Manchester United ก็คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก มาครอบครองได้สำเร็จด้วยการผลักดันจากที่ใช้ชุดเยาวชนที่เติบโตมาจาก “Class of 92”
ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Website : ผีแดง Society
Facebook : ผีแดง Society
Instagram : Reddevilsociety
YouTube : ผีแดง Society
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก : ufabet