Alejandro Garnacho ลูกหม้อคนใหม่ของ แมนยู

ผู้เข้าชมล่าสุด : 24

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลูกหม้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีผลงานยอดเยี่ยม ดูจะลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในตำแหน่งตัวรุก ที่เราพอจะฝากฝังได้ คงมีแต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่เขาเองก็มีอายุมากกว่า 27 ปีแล้ว ซึ่งยังไม่มีผลงานยอดเยี่ยม พอจะช่วยทีมให้ประสบความสำเร็จ เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่นัก จนมาในฤดูกาล 2022 – 23 แฟน ผีแดง ได้เจอกับเพชรเม็ดงามเม็ดใหม่ที่มีชื่อว่า Alejandro Garnacho นั่นเอง

ข้อมูลส่วนตัว การ์นาโช่

วันเกิด : 1 กรกฎาคม ปี 2004 (20 ปี)
สถานที่เกิด : มาดริด ประเทศสเปน
ส่วนสูง : 180 เซนติเมตร
ทีมชาติ : อาร์เจนตินา

ประวัติการค้าแข้งของ Garnacho

Alejandro Garnacho เป็นลูกครึ่งของคุณพ่อชาวสเปนและคุณชาวอาร์เจนตินา ด้วยความเป็นเด็กเมืองมาดริด ในวัยเด็กเขามักจะได้เห็นฝีเท้าอันสุดยอดของ คริสเตียโน โรนัลโด้ อยู่เสมอ ทำให้เมื่อกลับมาบ้านต้องเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ และลงแข่งในรายการในเมือง จนเมื่ออายุ 11 ปี เขาได้เข้าร่วมอะคาเดมี่ของทีมเคตาเฟ่ และได้ย้ายมายังทีมแอตเลติโก มาดริด ในปี 2015 โดยได้สวมใส่เสื้อหมายเลข 7 พร้อมเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายตามไอดอลของเขา

ฝีเท้าของ Garnacho เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด จนสามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดร่วม ในทัวร์นาเมนท์ชื่อ ลา ลีกา โพรมิสเซส อินเตอร์เนชั่นแนล ส่งผลให้สายตาของทีมใหญ่ เริ่มหันมาให้ความสนใจอยู่บ้าง แต่กว่าที่ความท้าทายใหม่ของเขาจะเกิดขึ้น ก็ต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี และเป็นทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตัดหน้า เรอัล มาดริด และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รับเขาไปดูแล ซึ่งตัวของ การ์นาโช่ ก็เลือกย้ายมาแมนยูฯ เพราะต้องการแจ้งเกิดเหมือนกับไอดอลของเขาอย่าง CR7 นั่นเอง

การย้ายมาเล่นในประเทศอังกฤษ ไม่ได้ส่งผลใด ๆ กับ Garnacho มากนัก อาจจะมีเพียงเรื่องของการศึกษาเรื่องภาษาและการเข้าโรงเรียน แต่เมื่อปรับตัวในทีมทีมเยาวชนของ แมนยู เขาก็เริ่มส่อแววของการเป็นเพชรเม็ดใหม่ ๆ ให้ทีมและแฟนบอลได้เห็น จนเมื่อฤดูกาล 2020-21 เขาเริ่มมีชื่อขึ้นมาอยู่เป็นตัวสำรองของทีมชุดใหญ่ เขายังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นแต่อย่างใด แต่สำหรับรายการฟุตบอลเยาวชนอังกฤษ เขาทำผลงานได้ดีมาก นี่คือปีกที่มีความเร็วสูง มีความคล่องตัว พาบอลขึ้นแดนหลังคู่ต่อสู่ มีความฉาบฉวย และยังจบสกอร์ได้ดีอีกต่างหาก

ในศึกเอฟเอ ยูธ คัพ หรือทัวร์นาเมนต์ชิงถ้วย เอฟ เอ คัพ การ์นาโช่ ได้โอกาสโชว์ฟอร์มเทพ เขามีชื่อทำประตูแทบจะทุกนัดที่ลงเล่น ด้วยสถิติ 15 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ลงเล่นในทีมชุดเยาวชน เรด เดวิลส์ 33 นัด เขาสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรมาได้ ทำให้โค้ชและผู้จัดการทีมชุดใหญ่ อดใจไม่ไหว ต้องยอมให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ขึ้นมาเล่นเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ใน วันที่ 27 เมษายน ของฤดูกาล 2021-22 สวมเสื้อเบอร์ 75 แม้ว่า แมนยูฯ จะทำได้เพียงเสมอกับ เชลซี ไป 1-1 ด้วยการ แต่สไตล์การเล่นของเขา ก็ทำให้ทีมได้มีลุ้นในเกมริมเส้นมากขึ้น

ในช่วงแรกของ Alejandro Garnacho ในทีมชุดใหญ่ ยังไม่สามารถทำประตูได้ ต้องรอจนถึงศึก เกม ยูโรป้า ลีก ก็สามารถทำประตูแรกได้สำเร็จ เอาชนะ เรอัล โซเซียดาด ไปได้ 1-0 หลังจากนั้นความมั่นใจของเขาก็เริ่มมา จนสามารถพาทีมเอาชนะ ฟูแล่ม ไปได้ 2-1 นี่คือประตูแรกของเขาใน พรีเมียร์ลีก นั่นเอง แถมยังได้เล่นร่วมกับไอดอลของเขาอย่าง CR7 จากการย้ายกลับมาช่วยทีม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่มีความเฉียบคมพอในหลายจังหวะ

ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นเช่นนี้ทำให้ Garnacho ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ ทั้งประเทศสเปนและประเทศอาร์เจนตินา เขาเคยได้เข้าเล่นในชุดเยาวชนของทั้ง 2 ประเทศ เมื่อถึงเวลาต้องเลือก เขาเลือกที่จะเล่นให้กับ ทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ ในปี 2022 แม้ว่าจะผ่านการคัดเลือก แต่ก็ไม่ได้โอกาสลงเล่นเลย ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่พวกเขาคว้าแชมป์โลกมาได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายพอสมควร แต่อย่างไร เขาก็มีชื่อติดอยู่ในชุดแชมป์โลกเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน Garnacho ยังคงได้รับโอกาสอย่างมาก ในการคุมทีมของ เอริก เทน ฮาก แต่สไตล์การเล่นของเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะจากเดิมเขามักจะเลี้ยงขึ้นไปในริมเส้น พร้อมจ่ายให้เพื่อนมากเมื่อมีโอกาส แต่ในช่วงหลังเขามักจะใช้ทุกจังหวะในการยิงประตู นั่นทำให้ทีมเสียผลประโยชน์ในการได้ชัยชนะหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเสี่ยงของเขาในบางครั้ง ก็สามารถพลิกให้เกมขึ้นมาได้เปรียบเช่นเดียวกัน

นั่นจึงยังเป็นข้อโต้แย้งว่า เขาจะก้าวมาเป็นสตาร์ดังได้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ Alejandro Garnacho อาจจะยังมีอายุน้อย ยังคงต้องฝึกซ้อม และหาประสบการณ์ให้มากกว่านี้ แฟนบอล แมนยูฯ เองก็ยังคงหวังว่าเขาจะขึ้นมาเป็นเพชรเม็ดงาม ผู้สร้างประวัติศาสตร์ความสำเร็จให้กับทีมได้จริงสักครั้ง

สำหรับในตอนนี้ Alejandro Garnacho ได้คว้าแชมป์ความสำเร็จกับแมนยูฯ ด้วยแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ฤดูกาล 2021-22 มาครองเท่านั้น แต่ด้วยอายุน้อยเช่นนี้ และความสัมพันธ์ดีกับสโมสร คาดว่าหากพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่หลงละเลิงในแสงสีที่ตนเองได้รับ คาดว่านี่จะเป็นหนึ่งในผลผลิตของอะคาเดมี่ที่แฟนบอลจะได้เห็นความสุดยอดของเขาแน่นอน