Antonio Valencia แข้งผีแดง ใช้ฝีเท้าสยบความจน
หากเราได้ลองค้นหาประวัติของนักฟุตบอลหลายคน มักจะเริ่มต้นมาจากครอบที่มีกินมีใช้ บ้างก็เป็นทายาทของอดีตนักเตะชื่อดัง แต่ไม่ใช่สำหรับนักเตะแห่งเอกวาดอร์อย่าง Antonio Valencia เชื่อหรือไม่ว่าชายคนนี้ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการเก็บขยะขายตั้งแต่วัยเด็กกันมาแล้ว จนตอนนี้เขากลายเป็นอีกหนึ่งกองกลาง และปีกซ้ายที่แฟนบอลทั่วโลกต่างยอมรับในฝีเท้าอันสุดยอด โดยเฉพาะแฟน ๆ แมนยู ที่ยังคงขอบคุณที่เคยมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม
ในช่วงวัยเด็กของ Antonio Valencia แข้งผีแดง
เขาเกิดที่เมือง Lago Agrio ในประเทศเอกวาดอร์ เกิดในวันที่ 4 สิงหาคม 1985 ในครอบครัวพ่อค้าและแม่ค้าธรรมดา ซึ่งมีความยากจนพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กดีที่ตั้งใจเรียนอยู่เสมอ ถือว่าเป็นเด็กหน้าห้องที่มีคะแนนสูงอยู่เสมอ แต่หลังจากเลิกเรียนเขาจำเป็นจะต้องออกไปเก็บขยะ และช่วยแม่ขายของบ้านในบางวัน ซึ่งในช่วงเวลาว่าง Antonio Valencia มักจะออกไปเตะฟุตบอลกับเพื่อน เป็นการเตะด้วยเท้าเปล่าเพราะไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อรองเท้าฟุตบอลดี ๆ ด้วยซ้ำ ด้วยความพยายามของเขา ทำให้ต้องพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก จนเมื่ออายุเพียง 11 ปีได้มีโอกาสไปฝึกฝนกับสถาบันกีฬา FA ในซูคัมบิออส จุดนี้เองทำให้เขาได้รับการฝึกซ้อมที่ถูกต้อง รู้ว่าควรจะเลี้ยงบอลอย่างไร ต้องวิ่งแบบไหน ต้องส่งอย่างไร หรือจะยิงประตูอย่างไร เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้เขามีความฝันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นนักฟุตบอลชื่อดัง ช่วยกอบกู้ฐานะของครอบครัวให้มีกินมีใช้มากกว่านี้
จนเมื่ออายุได้ 16 ปี Valencia เขาได้มีโอกาสไปร่วมสโมสร El Nacional ซึ่งเป็นเพียงแค่ทีมเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ แต่อย่างใด สนับสนุนจากกองทัพใน กีโต โดยเขาต้องนั่งรถบัสนานกว่า 8 ชั่วโมง เพื่อไปฝึกซ้อม ได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 50 ดอลลาร์เท่านั้น เขาถือว่าเป็นกองกลางดาวรุ่ง ที่เล่นได้ดีอย่างมาก ส่งผลให้ได้ฝึกต่อกับสโมสร Caribe Junior และย้ายไปยังสโมสร เอล นาซิอองนาล ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งครั้งของชีวิต เพราะเขาดูมีทักษะแซงหน้าเพื่อน ๆ ร่วมรุ่น
จนเมื่อปี 2003 Valencia ถูกดึงตัวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่เรียบร้อย เขากลายเป็นกองกลางคนสำคัญ สามารถใช้ความเร็วของตนเอง พาบอลไปยังแนวหน้า เปิดบอลให้กับกองหน้าหรือจะเลือกยิงเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน เขาลงเล่นให้กับทีมไปทั้งหมด 84 นัด และยิงไปได้ถึง 12 ประตู กลายเป็นกองหน้า ที่เริ่มถูกจับตามองแล้วเรียบร้อย กลายเป็นสโมสร บียาร์เรอัล เลือกซื้อตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 1.4 ล้านยูโร แต่ดูเหมือนว่าสไตล์การเล่นของเขา จะไม่เหมาะกับโค้ชสักเท่าไหร่นัก จึงถูกปล่อยทีมไปยังสโมสร Recreativo และ วีแกน แอทเลติก กลายเป็นเริ่มเรียกฟอร์มดีได้กลับมาอีกครั้ง ทำให้ทีมวีแกน แอทเลติก เลือกซื้อตัวเขาไปถาวร แถมกับโยกให้ Valencia ไปเล่นในตำแหน่งปีกขวา แทนที่จะเล่นในกองกลางแบบเช่นเดิม
ตลอดเวลาที่ Antonio Valencia เล่นให้กับ วีแกน แอทเลติก ทั้งในช่วงที่ยืมตัวหรือได้สัญญาก็ตาม ปีกขวาคนนี้มีความเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก เขามักจะวิ่งฉีกคู่แข่งไปได้อย่างไม่เห็นฝุ่น ทำให้เขามีโอกาสทำความฝันให้เป็นจริงอีกครั้ง ด้วยการย้ายมาเล่นให้สุดยอดทีมอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ย้ายมาในปี 2009 ด้วยค่าตัวถึง 16 ล้านปอนด์ ด้วยสายตาของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ที่ต้องการนำเอาความเร็วของเขามาใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด ถึงขนาดที่ยกหมายเลข 7 ให้กับสุดยอดปีกคนนี้
ในช่วงแรกเขาดูเป็นปีกขวาที่มีความหวือหวา จนเคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความเร็วมากที่สุดในโลก แต่อาจจะเป็นเพราะความกดดันเมื่อ Valencia ได้ย้ายมาเล่นให้กับทีมใหญ่ ทำให้เกิดความคาดหวังสูงจากเหล่าแฟนบอล จึงเลือกที่จะย้ายมาสวมเบอร์ 25 แทนในปี 2013 เขาลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ฯไปทั้งหมด 241 นัด และยิงไปได้ 17 ประตู เคยช่วยทีมคว้าแชมป์มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2010–11 , 2012–13 / เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2015–16 / อีเอฟแอล คัพ ในฤดูกาล 2009–10 , 2016–17 / เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในปี 2010, 2013 , 2016 / ยูฟ่ายูโรปาลีก ในฤดูกาล 2016–17 / รองแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
ในปี 2017 Valencia เคยได้รับบทบาทเป็นกัปตันให้กับ “ปีศาจแดง” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่แฟนบอล แมนยูฯ ชื่นชอบในความทุ่มเทของเขาอย่างมาก โดยเครื่องพิสูจน์ของเขาคือการได้รับรางวัล Alan Hardaker Trophy ในปี 2010 ต่อกันด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA Premier League ในฤดูกาล 2009-10 ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ Sir Matt Busby ในฤดูกาล 2011-12 และยังเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม แมนยูฯ ในฤดูกาล 2011-12 พร้อมด้วยประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมในฤดูกาลเดียวกัน
ในช่วงท้าย Valencia ได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเอเลเดอู กิโต ในปี 2019–2020 และสโมสร เกเรตาโร ในปี 2020 จากนั้นจึงได้ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปด้วยอายุ 35 ปี แน่นอนว่าเขาสามารถทำความฝัน เป็นจริงได้แล้ว ด้วยการใช้กีฬาฟุตบอลที่เขารัก สร้างความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้นนั่นเอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Website : ผีแดง Society
Facebook : ผีแดง Society
Instagram : Reddevilsociety
YouTube : ผีแดง Society
