ชิชาริโต (Chicharito) กองหน้าจมูกไวหัวใจแมนยู 100%
เป็นข่าวการเปิดตัวแบบกะทันหันของ Manchester United หลังจากที่พวกเขาได้คว้าตัว Chicharito กองหน้าร่างเล็กด้วยส่วนสูงเพียงแค่ 175 เซนติเมตร นักเตะชาวเม็กซิโก ในปี 2010 กับคำถามที่ว่า เขามีดีอะไร และทำไม Manchester United จึงตัดสินใจเซ็นสัญญาโดยที่ไม่ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ และนั่นคือคำถามของแฟนบอลถึงการตัดสินใจของ Sir Alex ferguson ซึ่งทีมระดับปีศาจแดงที่มี superstar อยู่เต็มทีม และสิ่งที่พวกเขาคาดหวังก็คือเห็นกองหน้าระดับโลกเข้ามาเสริมทัพ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้เซ็นนักเตะโนเนมที่ไม่มีใครรู้จัก พร้อมกับคำถามถึงผลงานที่ว่าเหมาะสมหรือไม่กับการย้ายเข้ามาอยู่ใน “โรงละครแห่งความฝัน”
ในยุคที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คือเต็งหนึ่งของแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และมีกองหน้าอย่าง ดีมีตาร์ เบร์บาตอฟ และ เวย์น รูนีย์ พวกเขาก็ได้เปิดตัวนักเตะใหม่ที่ชื่อว่า ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ หรือว่า Chicharito ซึ่งแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เรียกว่า “เจ้าถั่วน้อย” ท่ามกลางความมึนงงของแฟนบอลทั่วโลก แต่แน่นอนว่าการเลือกนักเตะเข้ามาร่วมทัพของ Sir Alex ferguson นักเตะรายนี้จะต้องมีดีอย่างแน่นอน แต่ความสงสัยจากแฟนบอลเพราะไม่เคยเห็นผลงานของกองหน้าร่างเล็กจากเม็กซิโกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าหากค้นหาผลงานของเจ้าถั่วน้อยก็คงจะเป็นผลงานที่โดดเด่นที่เล่นให้กับทีมชาติเม็กซิโก แต่ถ้าถามถึงความเหมาะสมว่าพร้อมที่จะเข้ามาเป็นกองหน้าให้กับ Manchester united หรือไม่ ในตอนนั้นทุกคนคงต้องตอบว่าไม่เหมาะสมแน่นอน เพราะเจ้าถั่วน้อย Chicharito มีทั้งรูปร่างที่เล็ก และในตอนนั้นแมนยูก็ยังมีกองหน้าที่ยังลงล่าตะข่ายอย่าง ดีมีตาร์ เบร์บาตอฟ และ เวย์น รูนีย์ และสิ่งที่กองหน้ารายใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพจะสามารถตอบคำถามแฟนบอลได้นั่นก็คือผลงานนั่นเอง
ย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเด็ก พ่อของ Chicharito ก็คือกองหน้าทีมชาติเม็กซิโกนั่นเอง และแน่นอนว่าเมื่อเจ้าถั่วน้อยเห็นพ่อเป็นนักฟุตบอลก็ต้องการที่จะเจริญรอยตาม และตัวพ่อของเขาเองก็เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า และรู้หรือไม่ว่าตัวพ่อของเจ้าถั่วน้อยก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของเขาจะประสบความสำเร็จในแวดวงลูกหนังยุโรปที่เล่นมามากกว่า 10 ปี เพราะว่าพ่อของ Chicharito ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่าด้วยรูปร่างที่เล็กของลูกชายคงไม่สามารถเล่นฟุตบอลในระดับอาชีพได้
ในช่วงเดือนตุลาคม ของปี 2009 Manchester United ได้ส่งทีมแมวมองเพื่อไปเฝ้าติดตามผลงานของ Chicharito ที่เล่นให้กับสโมสร กัวดาลาฮารา ในลีกบ้านเกิดเม็กซิโก และการส่งข้อมูลของทีมแมวมองมายังบอร์ดบริหารของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็เสนอไปในทิศทางที่บวก และการันตีถึงฝีเท้าของกองหน้ารายนี้ว่ามีอนาคตไกลแน่นอน เพราะได้มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด และจึงทำให้ Sir Alex ferguson ได้ส่งทีมเจรจาพร้อมกับทีมทนายความไปเฝ้าติดตามสถานการณ์ถึง 3 สัปดาห์ และได้แอบเซ็นสัญญากับ Chicharito ทันที และข่าวการเซ็นสัญญาระหว่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และกองหน้ารายนี้แทบจะไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ออกมาประกาศในช่วงต้นปี 2010 ว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญากับเจ้าถั่วน้อย กองหน้าชาวเม็กซิโกเข้ามาร่วมทัพ และในตอนนั้นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จึงเริ่มค้นหาข้อมูลของกองหน้ารายนี้ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
เมื่อพูดถึงผลงานภาพรวมแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาที่ Chicharito สวมเครื่องแบบให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถึงแม้เขาจะเป็นตัวเลือกกองหน้าอันดับที่ 3 เพราะในตอนนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีทั้ง ดีมีตาร์ เบร์บาตอฟ และ เวย์น รูนีย์ แต่สำหรับ 157 เกม กับ 59 ประตู และ 20 แอสซิสต์ ผลงานของกองหน้าร่างเล็กก็ได้ตอบคำถามของแฟนบอลแมนยู จนสร้างความประทับใจกันมาแล้วในหลายๆเรื่อง
และสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทัพของ “ป๋าเฟอร์กี้” ที่ยังคงมีสายตาที่เฉียบคมในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพนั่นก็คือ Chicharito ถูกยกให้เป็นกองหน้าจมูกไวที่ถ้าหากมีโอกาสในกรอบเขตโทษตัวเขาเองจะไม่พลาดโอกาสแน่นอน และลูกยิงที่น่าจดจำในปี 2010 ในเกม community Shield ที่ แมนยูเอาชนะ เชลซี ไปได้ 3-0 Chicharito ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 76 และตัวเขาเองก็ “ยิงลูกบอลในกรอบเขตโทษอัดหน้าตัวเอง และบอลก็เด้งเข้าประตู” ทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และแฟนบอลทั่วโลกต่างก็พูดถึงลูกยิงที่ถ้าหากว่าให้ทำซ้ำกันหลายๆ รอบ ก็คงทำไม่ได้ แต่สำหรับ Chicharito เจ้าตัวก็สร้างผลงานที่น่าจดจำในหลายๆ นัด กับลูกยิงเปลี่ยนเกมทำให้แฟนบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ประทับใจ
และถึงแม้ว่า Chicharito จะเป็นกองหน้าที่อยู่ในตัวเลือกอันดับ 3 ของ Manchester United แต่เจ้าตัวก็มีความพยายามและแสดงฝีเท้าที่เฉียบคม และความจมูกไวโดยใช้สัญชาตญาณกองหน้าที่เป็นจุดเด่นนั่นก็คือความเร็วในการเข้าหาบอลในกรอบเขตโทษ ซึ่งเจ้าถั่วน้อยก็ยังคงเป็นตัวเลือกของเฟอี์กี้กับการลงสนามเป็นซุปเปอร์ซัพ และสลับเปลี่ยนลงเป็นตัวจริง และเขาก็คือ 1 ในกองหน้าที่เพื่อนร่วมทีมให้ความเชื่อใจ และแฟนบอลแมนยูเฝ้ารอติดตามผลงาน
จนกระทั่งในยุคเปลี่ยนผ่านผู้จัดการทีมที่ Sir Alex ferguson ตัดสินใจวางมือและมี เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทัพ จนกระทั่งส่งต่อมายัง หลุยส์ ฟาน กัล และ Chicharito ก็ถูกตัดออกจากแผนการทำทีม จึงถูกปล่อยตัวไปให้ เรอัล มาดริด ยอดทีมแห่งสเปนยืมตัวใช้งาน และนั่นก็คือจุดจบของ Chicharito เพราะหลังจากที่ หมดสัญญากับ มาดริด เจ้าตัวก็ไม่ได้รับโอกาสเซ็นสัญญาต่อกับแมนยู และได้ย้ายไปร่วมทัพกับ ไบเออร์เลเวอร์คูเซ่น ในลีกบุนเดสลีกาของเยอรมัน ในปี 2015 – 2017
และเมื่อ Chicharito หมดสัญญากับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เจ้าตัวก็ย้ายกลับเข้าสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งภายใต้เครื่องแบบของ “ขุนค้อน” West Ham United ในปี 2017-2019 ก่อนที่จะย้ายไปเซ็นสัญญากับ เซบีย่า ในลาลีกาสเปน ในปี 2019-2020 และได้ย้ายไปค้าแข้งใน เมเจอร์ลีก กับทีม LA Galaxy ในปี 2020
และสิ่งที่น่าประทับใจกับบทสัมภาษณ์ในช่วงที่ Chicharito ถูกถามถึงทีมเก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในช่วงของการเผชิญสถานการณ์ที่กำลังวิกฤตเพราะในตอนนั้น คริสเตียโน โรนัลโด้ กำลังที่จะย้ายออกจาก Manchester United หลังจากที่ได้เซ็นสัญญารอบที่ 2 และกองหน้าที่ใช้งานประจำอย่าง มาร์กซิยาล ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง มาคั แรซฟอร์ด ก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ประทับใจ Chicharito จึงได้เสนอตัวว่า “ถ้าหาก Manchester United ต้องการที่จะเซ็นสัญญากับตัวเขา” เขาก็พร้อมที่จะเก็บเข้าของย้ายออกจากเมเจอร์ลีกทันที เพื่อที่จะไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นรอบที่ 2 โดยที่ไม่รับค่าเหนื่อยเพราะต้องการที่จะไปกอบกู้วิกฤตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่กำลังเผชิญขาดแคลนกองหน้าตัวเป้า แต่ทว่าดิลนั้นก็ไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ตัวเขาเองได้ให้สัมภาษณ์ก็สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากทั่วโลก ชิชาริโต (Chicharito) หัวใจแมนยู ร้อยเปอร์เซ็น
ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Website : ผีแดง Society
Facebook : ผีแดง Society
Instagram : Reddevilsociety
YouTube : ผีแดง Society