ชีวประวัติของ Lou Macari
หากเราย้อนไปในช่วงยุค 1970, หนึ่งในนักเตะที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกชื่นชอบในฝีเท้าของเขา และให้การยกย่องชื่นชมในเรื่องของจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา คงต้องยกชื่อของ Lou Macari กองกลางสัญชาติสก็อตแลนด์ มาเล่าให้กับทุกท่านฟัง ที่เข้ามาประกาศศักดาให้กับตนเอง ในฐานะตัวเชื่อมเกมแดนกลางและตัวยิงประตูสุดอันตราย
ลู มาคาริ เกิดที่เมืองอเบอร์ดีน ประเทศสก็อตแลนด์ ในปี 1949, เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของครอบครัว มีคุณพ่อและคุณแม่คอยดูแลเป็นอย่างดี ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เมื่อต้องย้ายมาอยู่ที่นอร์ธไอร์เชอร์ เขาเริ่มให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอล ตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้ 9 ขวบ จนได้เข้าทีมเยาวชนของสโมสร คิลมาร์น็อค มือสมัครเล่น ในปี 1964 ในตอนที่เขามีอายุได้ 15 ปี
หลังจากนั้น, มาคาริ ก็ได้ย้ายมาอยู่กับทีมเยาวชนของสโมสร คิลวินนิง ต่อด้วยการย้ายมาอยู่กับสโมสรชื่อดังในสกอตแลนด์อย่าง กลาสโกว์ เซลติก ในปี 1966 เขาพยายามฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เรียบรู้เทคนิคใหม่ ๆ จากโค้ชที่มองเห็นแววของเด็กหนุ่มคนนี้
ความเก่งของ ลู มาคาริ เริ่มฉายแววให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ, จนเมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี ก็ถูกเรียกให้ติดทีมชุดใหญ่ของ เซลติก ทันที โดยถูกจับมาเล่นในตำแหน่งกองกลาง เนื่องจากเขาไม่ได้มีร่างกายที่สูงใหญ่นัก แต่มีพละกำลังและความเร็วมาทดแทน บวกกับการส่งบอลที่แม่นยำ
Lou Macari กับทีม “ปีศาจแดง”
มาคาริ มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ เซลติก เป็นอย่างมาก เขาสร้างผลงานด้วยการลงเล่นไป 100 นัด ยิงประตูไปทั้งหมด 57 ประตู เป็นนักเตะคนสำคัญที่นำพาความยิ่งใหญ่มาให้กับทีม ตั้งแต่ปี 1970, ช่วย เซลติก คว้าแชมป์สกอตแลนด์ดิวิชั่นหนึ่ง 3 สมัย และคว้าแชมป์ สกอตติช คัพ อีก 2 สมัย
เรียกได้ว่า มาคาริ ในตอนนั้น คือเพชรเม็ดงามที่เปล่งประกายเจิดจรัสอย่างแท้จริง และนั่นก็ทำให้บรรดาสโมสรฟุตบอลทั่วยุโรป เริ่มให้ความสนใจในตัวเขา แต่ในที่สุดแล้ว เขาตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1973 -74 ด้วยค่าตัว 200,000 ปอนด์
จุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่ของชายที่ชื่อว่า Lou Macari เป็นเกมที่เขาต้องเผชิญกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เขาสามารถทำประตูช่วยทีม ปีศาจแดง ตีเสมอกับ ขุนค้อน 2 – 2 ด้วยความที่เขาเป็นกองกลางที่มีความครบเครื่อง เชื่อมเกมกับเพื่อน ๆ ได้ดี ส่งบอลแม่นยำ มีความแข็งแกร่ง สามารถพาบอลไปกับตนเองได้ จนไปถึงการวิ่งขึ้นไปทำประตูเองได้อีกด้วย
มาคาริ มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกับกองกลางในลีกอังกฤษยุคนั้น ทำให้เขาถูกจับตามองเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลของ แมนยูฯ หรือแม้แต่แฟนบอลฝั่งคู่แข่ง อีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ที่ทำให้แฟนบอลรักแข้งตำนานผู้นี้ เพราะเขาช่วยพาทีมเลื่อนชั้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้ ถือว่าในยุคนั้น เป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดของ “ปีศาจแดง” แต่เขาก็ไม่หนีทีมไปไหน แต่กลับอยู่ช่วยทีมอย่างเต็มที่
ลู มาคาริ เป็นผู้เล่นที่มีความทุ่มเทอย่างหนัก หากไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน เขามักจะขอลงสนามในฐานะตัวจริงอยู่เสมอ เขาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยาวนานถึง 11 ปี ลงเล่นไป 392 นัด และล่าตาข่ายคู่แข่งไปได้มากถึง 90 ประตู ถือว่าเป็นสถิติที่โหดมาก ๆ หากเปรียบเทียบกับตำแหน่งกองกลางด้วยกัน
เขาคือนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ แมนยูฯ ไล่ล่าคว้าความสำเร็จมาได้หลายรายการ, ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 1974–75, แชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1976–77, แชมป์เอฟเอ แชริตี้ ชิลด์ ในปี 1977 และ 1983, รองแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1976 และ 1979 และรองแชมป์ลีกคัพ ปี 1983
ด้วยฟอร์มการเล่นและผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติสกอตแลนด์ชุดใหญ่ในปี 1972 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 24 นัด ยิงไป 4 ประตู แถมเขายังเป็นคนกรุยทาง ในการขอรางวัลโบนัสจากการทำประตูให้กับทีมชาติอีกด้วย แม้ว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากแฟนบอลทีมชาติก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า มาคาริ เป็นนักเตะคนสำคัญที่ ทีมชาติสกอตแลนด์ ขาดเขาไปไม่ได้
ตำนานมิดฟิลด์ผู้ใจบุญ
หลังจาก ลู มาคาริ ประสบความสำเร็จไปมากมายแล้ว เขาได้ตัดสินใจออกอำลาทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลงไปค้าแข้งในลีก 2 ที่มีความเข้มข้นน้อยลง เล่นกับสโมสร สวินดอน ทาวน์ แต่เหมือนว่าการย้ายทีมของเขาในตอนนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่ทีม สวินดอน ทาวน์ กำลังเกิดปัญหาภายใน
ด้วยปัญหาดังกล่าว, ทำให้บอร์ดบริหารโดนปลด รวมไปถึงเหล่านักเตะที่มีอายุมาก ก็ถูกถอดออกจากทีมเช่นเดียวกัน และทำให้ มาคาริ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1986 หลังจากนั้น เขาก็หันไปรับหน้าที่ในสายงานผู้บริหารและผู้จัดการทีมแทน ได้แก่ทีม สวินดอน ทาวน์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, สโต๊ค ซิตี้ (สอง), กลาสโกว์ เซลติก , เบอร์มิงแฮมซิตี้ และริฟฟิธ ทาวน์
ชื่อของ มาคาริ เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ในตอนที่เขามีอายุได้ 71 ปี, เขาได้ใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณ ไปกับวงการการกุศลเป็นส่วนมาก เพราะว่าเขาได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาคนไร้บ้านในประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า
พาดหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์เหล่านั้น กลับทำให้ มาคาริ รู้สึกอดรนทนไม่ได้ เขาจึงได้ตัดสินใจลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตนเองเพื่อให้รู้ว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และเขาก็พบว่า ทุกอย่างในรายงานข่าวนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง! เขาจึงได้ทำการร้องขอต่อสภาเมือง เพื่อขออนุมัติให้ใช้อาคารว่าง มาใช้เป็นแหล่งพักพิงให้กับคนไร้บ้าน
จากที่พักพิงชั่วคราวในตอนนั้น ถูกเปลี่ยนมาเป็น Macari Centre ศูนย์พักพิงของคนไร้บ้านที่มีครบแทบจะทุกอย่าง, โดย มาคาริ จะเป็นคนจัดหาอาหารให้กับคนไร้บ้าน ด้วยความช่วยเหลือจากร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง มีที่ให้คนไร้บ้านได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย รวมไปถึงการมีโทรทัศน์ให้ดูในศูนย์พักพิงของเขาด้วย
ด้วยหัวใจแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างจริงจัง โดยที่เขาไม่เคยต้องการหรือหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทนกลับมา คือเหตุผลที่ทำให้ชื่อของ Lou Macari ได้รับการยกย่อง ทั้งในฐานะของการเป็นสุดยอดนักเตะระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด และในฐานะของผู้ที่อุทิศตนเพื่อสังคมไปพร้อม ๆ กัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับสาวก “ปีศาจแดง” คลิกเลย : Reddevil Society